บาทอ่อน ส่งออกไทย ดีจริงหรือ?
หลายประเทศในโลกกำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤตหนี้ในภาวะเงินเฟ้อสูง ในขณะที่เศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่าประเทศยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของโลกมีภาวะเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น ทำสถิติสูงสุดในรอบ 40 กว่าปี เช่น อังกฤษ เงินเฟ้อ 9.1% สหรัฐอเมริกา 8.6% และเยอรมัน 7.9%
ในขณะที่อีกหลายประเทศพบกับปัญหาเงินเฟ้อสูงสุดตั้งแต่ 30% ขึ้นไป เช่น
เอธิโอเปีย 37.7%
ศรีลังกา 39.1%
อิหร่าน 39.3%
อาร์เจนตินา 60.7%
เวเนซูเอล่า 167.1%
เลบานอน 211%
สาเหตุหลักเกิดจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 105.76 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล
นอกจากนี้ ยังเกิดภาวะขาดแคลนวัตถุดิบและอาหาร อันเนื่องมาจากการแซงชั่นของอเมริกาและกลุ่มประเทศยุโรปต่อรัสเซีย ทำให้ราคาสินค้าหลายรายการมีราคาแพงขึ้น
ประเทศไทย
ข้อมูลจากสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ รายงานอัตราเงินเฟ้อในเดือน พ.ค.2565 ขยายตัว 7.66% ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 14 ปี
เป็นผลจากราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้น 37.24% ประกอบกับมาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพภาครัฐสิ้นสุดลง เช่น การช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม ทำให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้น 45.43% และ ก๊าซหุงต้มสูงขึ้น 8%
สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคาดว่าเงินเฟ้อทั้งปี 2565 จะอยู่ที่ 4.2-5.2%
ในส่วนของการนำเข้า-ส่งออก ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินเหรียญสหรัฐอเมริกากับเงินบาท โดยอัตราแลกเปลี่ยนหนึ่งดอลลาร์สหรัฐเท่ากับ 36.03 บาท (6 ก.ค.2565) ทำสถิติสูงสุดในรอบ 6 ปี
สาเหตุที่เงินบาทอ่อนตัวลง เกิดจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ จากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย รวมถึงการอ่อนค่าลงของสกุลเงินฝั่งยุโรป เพราะกังวลกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่เสี่ยงต่อการถดถอย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายหลังจากเมื่อคืน (13 ก.ค. 65)สหรัฐอเมริกา ได้รายงานอัตราเงินเฟ้อในเดือนที่ผ่านมา สูงถึง 9.1% ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ และยังสูงที่สุดในรอบ 40 ปี
โดยอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น จะยิ่งทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FED ต้องเร่งปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยล่าสุดมีความเป็นไปได้สูงว่าการประชุม FED จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก มากถึง 100 basis points หรือ “1%” ในครั้งเดียว
และเมื่อสหรัฐอเมริกามีดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ก็จะยิ่งดึงดูดเงินทุนให้ไหลเข้าประเทศมากขึ้น
ในทางกลับกัน จะทำให้เงินไหลออกจากประเทศอื่น ๆ
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ประเทศไทย ที่ปัจจุบัน เงินบาทอ่อนค่าลง เหลือ 36.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนสุดในรอบ 7 ปี
(ข้อมูลจากเพจ ลงทุนแมน)
อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งประเทศไทยคงจะเข้ามาช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวจากความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน
ดังนั้น การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศจะมีต้นทุนที่สูงขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยน ในขณะที่การส่งออก น่าจะมีมูลค่าสูงขึ้น การศึกษาเพื่อลดความเสี่ยง จากการอ่อนค่าของเงินบาท จึงต้องพิจารณากันให้ดีก่อนการนำเข้า
อย่างไรก็ตามแม้การอ่อนค่าของเงินบาทดูจะดีต่อการส่งออก แต่ก็น่าคิดว่าอเมริกาซึ่งเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทยมีภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มมากขึ้นและหลายฝ่ายคาดว่าภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกากำลังอยู่ในภาวะถดถอย ดังนั้นกำลังซื้อของประชาชนจะลดน้อยลงในขณะที่หลายประเทศในยุโรปยุโรปก็มีปัญหาหนักด้านเศรษฐกิจและภาวะเงินเฟ้อเช่นกัน การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศอาจจะลดน้อยลงนอกจากด้านอาหารและพลังงานที่อาจจะเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น การที่ค่าเงินบาทอ่อนค่า อาจไม่ได้เป็นผลดีต่อการส่งออกเท่าที่ควร เพราะแม้มูลค่าการส่งออกจะเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณการส่งออกจะลดลง

ติดต่อ สอบถาม ใช้บริการ นำเข้า-ส่งออก คลิกที่นี่ หรือ โทร 0-2742-7851-5 / 0-2742-7858-60 หรือ อีเมล์ mks@ebcitrade.com
14 กรกฎาคม 2565
เกี่ยวกับผู้เขียน
*สายัณห์ จันทร์วิภาสวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็กซ์เซลเล้นท์ บิสเนส คอร์ปอร์เรชั่น อินเตอร์-แนชชั่นแนล จำกัด (อีบีซีไอ) อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ อดีตประธานอนุกรรมาธิการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ผู้ชำนาญการด้านโลจิสติกส์ การค้าระหว่างประเทศและสิทธิประโยชน์ภาษีอากร