เศรษฐกิจอเมริกาทรุด ! ส่งออกไทยจะถูกกระทบแค่ไหน ?

เพียงแค่ 5 วัน (ระหว่าง 8-12 มีนาคม 2566) ธนาคารในสหรัฐอเมริกาถูกปิดไป 3 แห่ง

ธนาคารแรก Silvergate Bank

Silvergate Bank: The Canary In The Banking (Not Crypto) Coal Mine

ธนาคารที่ปล่อยกู้ให้กับธุรกิจ Crypto Currency ขาดทุนประมาณ 35,000 ล้านบาท

ธนาคารที่สอง Silicon Valley Bank (SVB)

Collapse of Silicon Valley Bank - Wikipedia

ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่อันดับ 16 ของอเมริกา ปล่อยกู้ให้กับบริษัทเทคโนโลยี ธุรกิจ Start Up และตราสารหนี้โดยครึ่งหนึ่งของ Start Up ในอเมริกาใช้บริการของ SVB

ธนาคาร SVB ในช่วง Covid19 มีเงินฝากเยอะเพิ่มมากขึ้น 2 เท่า จึงไปซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้ระยะยาว ซึ่งเป็นการลงทุนระยะยาวและมีความเสี่ยงต่ำ

เมื่อ Covid19 คลี่คลาย ผู้ฝากจึงเริ่มถอนเงิน ประกอบกับดอกเบี้ยเงินฝากสูง (เพราะธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกาหรือ Federal Reserve: FED ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยในอัตราสูงตั้งแต่ปี 2565)

ลูกค้าของธนาคาร SVB จึงถอนเงินเพื่อไปซื้อตราสารหนี้ ทำให้ธนาคาร SVB ต้องนำตราสารหนี้ระยะยาวไปขายในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่ซื้อมา หรือคือยอมขายขาดทุนเพื่อจ่ายให้กับผู้ถอนเงิน ทำให้ผู้ฝากเงินเกรงว่า SVB จะไม่มีเงินให้ถอน จึงเร่งถอนเงินพร้อม ๆ กัน (Bank Run) ทำให้ SVB ขาดสภาพคล่อง

ธนาคารที่สาม ธนาคาร Signature Bank

US regulators shut down crypto-friendly Signature Bank as financial crisis grows | The Times of Israel

ซึ่งมีธุรกิจคล้าย SVB ประกาศกับผู้ฝากเงินว่าจะได้รับเงินชดเชยเต็มจำนวน แต่ผู้ฝากไม่เชื่อ จึงถอนเงินไว้ก่อน จนกระทั่งรัฐต้องออกมาประกาศว่าผู้ฝากเงินกับ SVB และ Signature Bank จะได้รับความคุ้มครองเงินเต็มจำนวน และถอนเงินได้ตั้งแต่ 13 มี.ค.2566

พร้อมกันนี้ รัฐยังได้ช่วยเหลือด้วยการเสนอเงินกู้อายุ 1 ปี ให้กับสถาบันการเงิน   ต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ถูกผลกระทบจากการล้มของ SVB

เพื่อความมั่นใจในข่าวและข้อมูลซึ่งมาจากอเมริกา ผมจึงได้โทรไปหาเพื่อนในอเมริกา ซึ่งมีทั้งไทย-อเมริกัน ได้ข้อมูลว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในอเมริกาไม่ดีจริง ๆ เพราะค่าครองชีพสูงมาก ทุกอย่างแพงหมด และผู้ชำนาญการเศรษฐกิจต่างกำลังวิตกว่า FED อาจจะมีมาตรการปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าปัจจุบัน (อัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน 4.5%) หาก FED ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% อีก 2 ครั้ง ระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจของอเมริกาจะเลวร้ายกว่านี้ แต่หลายฝ่ายก็เชื่อว่า FED น่าจะยังไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจจะชะลอการปรับเพราะเห็นผลกระทบจากการล้มของสามธนาคารแล้ว

ความเชื่อว่า FED จะปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นหรือไม่นั้น ยังคงเป็นเรื่องที่ FED และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับระบบการเงินและเศรษฐกิจของอเมริกาต้องพิจารณาให้รอบคอบและละเอียดลออ

Jerome Powell is heavy favorite on Wall Street to be renominated as Fed chair

เพราะความเชื่อที่ว่าหากอัตราดอกเบี้ยสูงจะเป็นการขจัดปัญหาเงินเฟ้อนั้น อาจจะไม่แน่นอนเสมอไป เพราะโลกปัจจุบันอยู่ในยุค BANI (ทุกอย่างเปราะบาง คาดการณ์ความแน่นอนไม่ได้)

หากปรับอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูงก็จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก ทำให้ต้นทุนด้านการเงินสูงขึ้น นักลงทุนจะระมัดระวังในการกู้เงินและลงทุน (ปัจจุบันอัตราการจ้างงานของอเมริกายังอยู่ในระดับน่าพอใจ หลายฝ่ายจึงมองว่า FED อาจจะยังไม่มีความคิดในการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย)

เพราะเมื่อต้นทุนด้านการเงินสูงขึ้นก็จะกระทบไปถึงต้นทุนสินค้าที่แพงขึ้น ดังนั้นนักลงทุนจะผลักภาระไปให้ผู้บริโภค ราคาสินค้าแพง และทั้งนี้รวมไปถึงค่าใช้จ่ายด้านค่าน้ำ  ค่าไฟ ค่าพลังงานจะสูงตามไปด้วย

ในส่วนของไทยนั้น อาจจะได้รับผลกระทบด้านการส่งออก จะเห็นได้จากมูลค่าการส่งออกของไทยเดือน ม.ค.2566 ต่ำสุดในรอบ 23 เดือน โดยเฉพาะอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินดอลลาร์สหรัฐกับเงินบาทอาจขึ้น ๆ ลง ๆ

การที่ไทยอาจจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและภาวะการเงินจากอเมริกานั้น เพราะประเทศไทยมีมูลค่าการค้ากับอเมริกามากเป็นอันดับหนึ่ง (ไทยส่งออกไปจีน อาเซียน น้อยกว่าอเมริกา)

เมื่อค่าครองชีพในอเมริกาสูงขึ้น สินค้าจะแพง เมื่อแพง การบริโภคของประชาชนก็จะน้อยลง (เท่าที่คุยกับเพื่อน ทราบว่าเมื่อก่อนนี้อาจจะมีการซื้ออาหารตุนไว้ในบ้าน 1-2 อาทิตย์ แต่ปัจจุบันจะซื้ออาหารเท่าที่จำเป็น)

ในขณะเดียวกัน หากอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงมาก ประชาชนก็จะถอนเงินสดออกจากธนาคารที่ตนเองฝากอยู่ไปซื้อตราสารหนี้ ซึ่งสถาบันการเงินที่ขายตราสารหนี้จะให้อัตราดอกเบี้ยตอบแทนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของการฝากธนาคาร

ดังนั้น หาก FED ปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นอีกในปี 2566 บางธนาคารจึงอาจจะเกิดปัญหาขาดเงินสดหมุนเวียน เมื่อขาดเงินสดหมุนเวียน ธนาคารก็จะนำตราสารหนี้ออกขายแบบยอมขาดทุน ประชาชนก็กลัวว่าธนาคารที่นำตราสารหนี้ออกขายแบบขาดทุนอาจจะเจ๊ง เลยยิ่งแห่กันไปถอนเงิน ธนาคารที่ประชาชนแห่กันไปถอนเงินก็จะไม่มีเงินให้ถอน อาจต้องล้มละลายหรือปิดเช่นเดียวกับ SVB

หากเป็นเช่นนั้นจริง FED และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพยายามหามาตรการช่วยเหลือธนาคารที่ประชาชนแห่ถอนเงินโดยสัญญาว่าผู้ฝากเงินทุกคนจะได้เงินฝากคืนครบจำนวนตามที่ฝาก แต่อาจจะต้องใช้เวลา 1-2 เดือน หรือ 1-6 เดือน แล้วแต่ว่ารัฐจะหาเงินให้จากแหล่งใดมาสนับสนุน ซึ่งปัจจุบันอเมริกามีหนี้สาธารณะสูงสุดเป็นประวัติการณ์

สมมุติต่อไปว่า ประชาชนในอเมริกาเกิดตื่นตระหนกในเรื่องการฝากถอนเงินจนกลายเป็น Panic (อาการตื่นตกใจ) ก็จะเกิดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ (Chain of Reaction) และลุกลามเป็นการจลาจล (Riot) คือเมื่ออารมณ์ความรู้สึกของประชาชนปรับจาก Panic    เป็น Riot นั่นหมายความว่ารัฐอาจจะต้องใช้ทหารเข้าระงับการจลาจล รัฐก็จะประกาศภาวะฉุกเฉินตามความจำเป็น                 

จากการประมวลข้อมูลและการประเมินความน่าจะเป็นไปได้ คาดว่า FED จะยังไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 หรือหากจะปรับก็อาจจะปรับในอัตราต่ำ

แต่ทั้งนี้ อาจจะต้องประเมินสถานการณ์ทั่วไปของอเมริกา เพราะอเมริกากำลังเป็นผู้ป่วยทางเศรษฐกิจของโลก และภาพลักษณ์ของประเทศอาจจะไม่ดี ดังนั้นเพื่อปรับสถานการณ์ต่าง ๆ ให้ดีขึ้น อเมริกาอาจมีมาตรการที่ Beyond หรือเกินกว่าการคาดหมายของประเทศต่าง ๆ ก็เป็นได้  

อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งออกไทยไปอเมริกาอาจต้องปรับกลยุทธ์ในการส่งออก ดังนี้

  1. ทำงานหนักมากขึ้น เพื่อเพิ่มลูกค้ารายใหม่ในอเมริกาหรือประเทศอื่น ๆ
  2. คู่แข่งสินค้าส่งออกของไทยคือเวียดนาม โดยเฉพาะในตลาดอเมริกา อาเซียน
    จึงต้องศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ด้านกลยุทธ์การตลาดของเวียดนาม
  3. ระวังอัตราแลกเปลี่ยน

มูลค่าการส่งออกของไทยในปี 2565

อันดับ ประเทศ มูลค่า (ล้านบาท)
1 สหรัฐอเมริกา 1,648,431.95
2 จีน 1,190,478.91
3 ญี่ปุ่น 855,401.60
4 ฮ่องกง 348,672.10
5 เวียดนาม 459,289.45

ที่มา: ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

ติดต่อ สอบถาม ใช้บริการ นำเข้า-ส่งออก คลิกที่นี่ หรือ โทร 0-2742-7851-5 / 0-2742-7858-60 หรือ อีเมล์ mks@ebcitrade.com

16 มีนาคม 2566

เกี่ยวกับผู้เขียน

*สายัณห์  จันทร์วิภาสวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็กซ์เซลเล้นท์ บิสเนส คอร์ปอร์เรชั่น อินเตอร์-แนชชั่นแนล จำกัด (อีบีซีไอ) อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ อดีตประธานอนุกรรมาธิการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ผู้ชำนาญการด้านโลจิสติกส์ การค้าระหว่างประเทศและสิทธิประโยชน์ภาษีอากร