เมื่ออเมริกา ตัดสิทธิ์ GSP ไทย แล้วประเทศไทย ควรทำอย่างไร?
ข่าวอเมริกาตัดสิทธิ์ GSP สินค้าไทย 231 รายการ โดยมีผลตั้งแต่ 30 ธ.ค.2563 ทำให้คนไทยโดยเฉพาะผู้ส่งออกให้ความสนใจกันพอสมควร
ทำไมต้องสนใจ?
เพราะสินค้าทั้ง 231 รายการที่ส่งออกจากไทยไปที่อเมริกา จะไม่ได้รับการลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีศุลกากรที่อเมริกา ทำให้สินค้าทั้ง 231 รายการ มีต้นทุนการนำเข้าที่อเมริกาเพิ่มขึ้นหรือคือสินค้าไทยจะมีราคานำเข้าที่อเมริกาแพงขึ้น
GSP คืออะไร สำคัญอย่างไรกับประเทศไทย
GSP (Generalized System of Preferences) เป็นระบบที่ให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรที่ประเทศที่พัฒนาแล้วให้แก่สินค้าที่ผลิตและมีแหล่งกำเนิดในประเทศที่กำลังพัฒนาด้วยการลดหย่อนหรือยกเว้นอากรขาเข้าแก่สินค้าที่อยู่ในข่ายจะได้รับสิทธิ์ โดยเป็นการให้แต่เพียงฝ่ายเดียว แต่ประเทศที่ให้ GSP จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ให้การลดหย่อนหรือไม่ยกเว้นก็ได้
ประเทศที่ให้ GSP กับประเทศต่างๆ มีหลายประเทศ เช่น อเมริกา กลุ่มอียู ญี่ปุ่น รัสเซีย แคนาดา ฯลฯ
ทำไมอเมริกาต้องตัดสิทธิ์สินค้าไทย
เรื่องที่อเมริกาตัดสิทธิ์ GSP สินค้าไทยนั้น ไม่ใช่เพิ่งจะทำ การตัดสิทธิ์แต่ละครั้งมักจะเพื่อผลทางการเมืองหรือการค้าอย่างไรอย่างหนึ่ง
การตัดสิทธิ์ GSP ครั้งนี้ อเมริกาอ้างว่าไทยไม่เปิดตลาดให้เนื้อหมูที่ใช้สารเร่งเนื้อแดงจากอเมริกานำเข้าไทย
ไทยไม่เปิดตลาดให้เนื้อหมูที่ใช้สารเร่งเนื้อแดงจากอเมริกาเข้าไทย…..จริงหรือ ?
คำตอบคือ….จริง
ทำไมไทยไม่เปิดตลาด
เพราะสารเร่งเนื้อแดงในหมูที่ส่งออกจากอเมริกามาไทยนั้น เป็นสารกลุ่มเบต้าอะโกนิสท์ ส่งผลข้างเคียงทำให้มีอาการปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ บางรายมีอาการเป็นลม เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อหญิงมีครรภ์และยังเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง (หากมีการบริโภคเป็นจำนวนมาก) โดยประเทศไทย (ข้อมูลจากกรมปศุสัตว์) ระบุว่าสารเร่งเนื้อแดงเป็นสารต้องห้ามใช้ผสมในอาหาร ตาม พรบ.ควบคุมอาหารสัตว์
อ่านบทความอย่างละเอียดเรื่อง สารเร่งเนื้อแดงในหมู ได้ที่นี่ https://www.the101.world/ractopamine-on-pork/?fbclid=IwAR1jTxgAZCEfodt7K7jPv4DRg3k1TPb9fGeBtnRX52VBzqHki8gxyf8Z3xw
ทำไมต้องใช้สารตัวนี้
เพราะการใช้สารเร่งเนื้อแดงตัวนี้ในหมู จะทำให้หมูมีเนื้อแดงมากขึ้น ลดการสะสมของไขมัน
สินค้าไทยจะได้รับผลกระทบอย่างไร
สินค้าทั้ง 231 รายการที่ผู้ส่งออกไทยขายไปที่อเมริกา จะได้รับผลกระทบเพราะจะต้องถูกเก็บอากรขาเข้าที่อเมริกา ทำให้ต้นทุนสินค้าไทยในอเมริกาสูงกว่าสินค้าของประเทศที่อเมริกาไม่ตัดสิทธิ์ GSP เช่น สูงกว่าสินค้าเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ฯลฯ ซึ่งเป็นคู่แข่งทางการค้าของไทย
ผลจากการถูกตัดสิทธิ์ GSP ครั้งนี้ หนักหนามั๊ย
หากมองในแง่ผลกระทบ แน่นอนว่าสินค้าไทยที่จะได้รับผลกระทบจริงมีเพียง 147 รายการ ต้องชำระอากรนำเข้าที่อเมริกาประมาณ 3-4% มูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท แต่ก็ยังมีสินค้าหลายรายการที่ยังได้รับ GSP จากอเมริกา เช่น ส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศ ถุงมือยาง เครื่องปรุงรส เลนส์แว่นตา ถังเชื้อเพลิง รถยนต์ ฯลฯ
สินค้าอะไรบ้างที่จะได้รับผลกระทบ?
สินค้าที่ได้รับผลกระทบ เช่น
- อุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์และส่วนประกอบ
- พวงมาลัยรถยนต์
- ล้อรถยนต์
- กระปุกเกียร์
- กรอบโครงสร้างแว่นตาทำด้วยพลาสติก
- เคมีภัณฑ์
- เกลือ
- ที่นอนและฟูกทำด้วยยางหรือพลาสติก
- หลอดและท่อทำด้วยยางวัลแคไนซ์
- อะลูมิเนียมหรือแผ่นยาง
ประเทศไทยจะทำอย่างไร
คงจะทำอะไรไม่ได้มาก เพราะเรื่อง GSP เป็นการให้ข้างเดียวและเป็นสิทธิ์หรือเป็นดุลยพินิจของผู้ให้ว่าจะให้หรือไม่ให้ ถ้าให้จะให้แค่ไหน
นอกจากเรื่องที่อเมริกาหาว่าไทยไม่เปิดตลาดหมูที่ใช้สารเร่งเนื้อแดงจากอเมริกาเข้าไทยแล้ว คาดว่าในอนาคตอาจจะมีข้อกล่าวหาอื่นๆ ตามมาอีก เช่น เรื่องการรับรองสิทธิ์แรงงานในประเทศไทย การใช้แรงงานเด็กหรือเรื่องอื่นๆ ที่อเมริกาจะยกมาอ้างเพื่อตัดสิทธิ์ GSP ประเทศไทย
ทางออกหรือวิธีการแก้ไข
ผู้ส่งออกไทยต้องให้ความสนใจในเรื่องคุณภาพและการส่งมอบสินค้าให้ทันความต้องการของผู้นำเข้าในอเมริกา ต้องพยายามลดค่าขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เช่น ค่าระวางเรือ การลดราคาสินค้าบางส่วน การลดต้นทุนโดยการเลือกใช้สิทธิประโยชน์ภาษีอากรในอาเซียนหรือกรอบ FTA และการใช้สิทธิประโยชน์ภาษีอากรในประเทศไทยให้ถูกต้องเพื่อลดภาระค่าภาษีอากรในตัววัตถุดิบหรือสินค้า เช่น การนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศโดยใช้สิทธิ์ยกเว้นอากรนำเข้าในประเทศไทย
หรือการใช้สิทธิ์ยกเว้นภาษีอากรในประเทศไทยให้ถูกต้อง เช่น การใช้สิทธิ์ยกเว้นภาษีอากรจาก BOI หรือ Free Zone การใช้สิทธิ์ขอคืนอากรตามมาตรา 29 การใช้สิทธิ์ขอรับเงินชดเชยเพื่อการส่งออก ฯลฯ
ประการสำคัญที่ต้องเตรียมตัวเพิ่มเติม
นอกจากวิธีการแก้ไขข้างต้นแล้ว ผู้ส่งออกไทยที่ได้รับผลกระทบจาก GSP แล้ว ผู้ส่งออกจะต้องเตรียมรับผลกระทบจาก FTA ในกรอบต่างๆ ที่คาดว่ากำลังจะเกิดขึ้นระหว่างไทย-อังกฤษ หรือไทย-อียู รวมถึง RCEP ด้วย ซึ่งคาดว่า RCEP จะประกาศใช้ในปี 2564
เกี่ยวกับผู้เขียน
*สายัณห์ จันทร์วิภาสวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็กซ์เซลเล้นท์ บิสเนส คอร์ปอร์เรชั่น อินเตอร์-แนชชั่นแนล จำกัด (อีบีซีไอ) อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ อดีตประธานอนุกรรมาธิการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ผู้ชำนาญการด้านโลจิสติกส์ การค้าระหว่างประเทศและสิทธิประโยชน์ภาษีอากร